การนำวิธีการจัดการรียนการสอนแบบร่วมมือไปประยุกต์ใช้กับระบบการศึกษาทางไกลนั้นทำได้หลากหลายวิธี ตัวอย่างเช่น
รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเชิงปฎิบัติบน
e-Learning จากการศึกษาถึงรูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือในแบบที่ใช้ในห้องเรียนปกติข้างต้น
เมื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการเรียนรู้บน
e-
Learning จะมีลักษณะการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ดังตัวอย่างรูปแบบการเรียนรู้แบบร่วมมือทั้ง
4
รูปแบบ
ดังนี้
1 การสืบสวนสอบสวนเป็นกลุ่ม (Group Investigations)
รูปแบบการสอนแบบสืบสวนสอบสวนเป็นกลุ่ม ได้เน้นการสร้างบรรยากาศการทำงานร่วมกัน
เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ การสอนแบบสืบสวนสอบสวนเป็นกลุ่มซึ่งมีลักษณะ เป็นโครงสร้างการเรียนรู้ที่เน้นความสำคัญของทักษะการคิดระดับสูง เช่นการวิเคราะห์และการประเมินผล ผู้เรียนทำงานเป็นกลุ่มเล็กๆ โดยใช้การสืบค้นแบบร่วมมือกันเพื่อการอภิปรายเป็นกลุ่ม รวมทั้งวางแผนเพื่อผลิตโครงการของกลุ่ม
เมื่อนำการเรียนการสอนแบบสืบสวนสอบสวนเป็นกลุ่มมาประยุกต์ใช้กับ e – learning มีลักษณะการเรียนรู้ ดังนี้
1. ผู้เรียนร่วมกันเสนอหัวข้อหรือประเด็นที่ต้องการศึกษา ค้นคว้าจากสิ่งที่ได้เรียนไปผ่านทาง
Web board เพื่อให้ผู้สอนได้รับทราบเพื่อนำมาดำเนินการจัดเป็นหัวข้อหรือประเด็นการศึกษาต่อไป
2. เมื่อผู้สอนได้จัดหัวข้อหรือประเด็นการศึกษาในกระดานข่าวแล้ว เมื่อผู้เรียนเข้าไปอ่าน
แล้วจะมีการแบ่งกลุ่มกันเอง โดยผู้เรียนจะเลือกเข้ากลุ่มตามหัวข้อที่ตนเองต้องการศึกษา ซึ่งมีสมาชิกกลุ่มประมาณ 4- 6 คน จำนวนสมาชิกในกลุ่มของแต่ละหัวข้ออาจมีจำนวนไม่เท่ากันก็ได้ ขึ้นอยู่กับลักษณะของหัวข้อที่จะศึกษา แต่ละกลุ่มควรมีผู้เรียนที่มีความสามารถหลากหลายคละกันไป
3. เมื่อผู้สอนได้จัดหัวข้อหรือประเด็นการศึกษาในกระดานข่าวแล้ว เมื่อผู้เรียนเข้าไปอ่าน
แล้วจะมีการแบ่งกลุ่มกันเอง โดยผู้เรียนจะเลือกเข้ากลุ่มตามหัวข้อที่ตนเองต้องการศึกษา ซึ่งมีสมาชิกกลุ่มประมาณ 4- 6 คน จำนวนสมาชิกในกลุ่มของแต่ละหัวข้ออาจมีจำนวนไม่เท่ากันก็ได้ ขึ้นอยู่กับลักษณะของหัวข้อที่จะศึกษา แต่ละกลุ่มควรมีผู้เรียนที่มีความสามารถหลากหลายคละกันไป
4. ผู้สอนจะแนะนำวิธีทำงานกลุ่ม การสืบค้น การรวบรวมข้อมูลความรู้ในแต่ละหัวข้อโดย
ชี้แจงไว้ในส่วนรายละเอียด/คำชี้แจงของแต่ละหัวข้อหรือประเด็นการศึกษารายตามละเอียดของWebcourse
5. มีการกำหนดไว้ในหน้า “ข้อตกลงทางการเรียน” ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันวางแผนการ
ศึกษาในหัวข้อของตน และแบ่งงานกันตามที่ได้วางแผนไว้ โดยสมาชิกแต่ละคน หรือสมาชิกแต่ละคู่ในกลุ่มจะเลือกหัวข้อย่อย (Subtopic) และเลือกวิธีแสวงหาคำตอบในเรื่องนั้นๆด้วยตนเอง หลังจากนั้นสมาชิกแต่ละคนหรือแต่ละคู่ จะเสนอรายงานความก้าวหน้าและผลการทำงานให้กลุ่มทราบ โดยผ่านทาง Web board หรือ Chat ซึ่งสมาชิกทุกคนมีส่วนร่วมในการนำเสนอผลงาน
6. การประเมินผลงาน/การทำงาน และร่วมอภิปรายออนไลน์ผ่านการ Chat เกี่ยวกับรายงานของสมาชิกแต่ละคนหรือสมาชิกแต่ละคู่ ในกลุ่มที่ได้เลือกหัวข้อย่อยไปศึกษาและรวบรวมจัดทำรายงานของกลุ่ม จากนั้นนำเสนอให้เพื่อนทั้งชั้นเรียนฟัง โดยการนำเสนอในลักษณะการUpload File ไว้ในเว็บไซต์ให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนได้ศึกษา ทั้งนี้จะต้องส่งข้อมูลที่จะนำเสนอให้กับผู้สอนได้พิจารณาก่อน และผู้สอนจะเป็นผู้ Upload File ไว้ให้ผู้เรียนทั้งชั้นได้ศึกษา
1 การสืบสวนสอบสวนเป็นกลุ่ม (Group Investigations)
รูปแบบการสอนแบบสืบสวนสอบสวนเป็นกลุ่ม ได้เน้นการสร้างบรรยากาศการทำงานร่วมกัน
เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ การสอนแบบสืบสวนสอบสวนเป็นกลุ่มซึ่งมีลักษณะ เป็นโครงสร้างการเรียนรู้ที่เน้นความสำคัญของทักษะการคิดระดับสูง เช่นการวิเคราะห์และการประเมินผล ผู้เรียนทำงานเป็นกลุ่มเล็กๆ โดยใช้การสืบค้นแบบร่วมมือกันเพื่อการอภิปรายเป็นกลุ่ม รวมทั้งวางแผนเพื่อผลิตโครงการของกลุ่ม
เมื่อนำการเรียนการสอนแบบสืบสวนสอบสวนเป็นกลุ่มมาประยุกต์ใช้กับ e – learning มีลักษณะการเรียนรู้ ดังนี้
1. ผู้เรียนร่วมกันเสนอหัวข้อหรือประเด็นที่ต้องการศึกษา ค้นคว้าจากสิ่งที่ได้เรียนไปผ่านทาง
Web board เพื่อให้ผู้สอนได้รับทราบเพื่อนำมาดำเนินการจัดเป็นหัวข้อหรือประเด็นการศึกษาต่อไป
2. เมื่อผู้สอนได้จัดหัวข้อหรือประเด็นการศึกษาในกระดานข่าวแล้ว เมื่อผู้เรียนเข้าไปอ่าน
แล้วจะมีการแบ่งกลุ่มกันเอง โดยผู้เรียนจะเลือกเข้ากลุ่มตามหัวข้อที่ตนเองต้องการศึกษา ซึ่งมีสมาชิกกลุ่มประมาณ 4- 6 คน จำนวนสมาชิกในกลุ่มของแต่ละหัวข้ออาจมีจำนวนไม่เท่ากันก็ได้ ขึ้นอยู่กับลักษณะของหัวข้อที่จะศึกษา แต่ละกลุ่มควรมีผู้เรียนที่มีความสามารถหลากหลายคละกันไป
3. เมื่อผู้สอนได้จัดหัวข้อหรือประเด็นการศึกษาในกระดานข่าวแล้ว เมื่อผู้เรียนเข้าไปอ่าน
แล้วจะมีการแบ่งกลุ่มกันเอง โดยผู้เรียนจะเลือกเข้ากลุ่มตามหัวข้อที่ตนเองต้องการศึกษา ซึ่งมีสมาชิกกลุ่มประมาณ 4- 6 คน จำนวนสมาชิกในกลุ่มของแต่ละหัวข้ออาจมีจำนวนไม่เท่ากันก็ได้ ขึ้นอยู่กับลักษณะของหัวข้อที่จะศึกษา แต่ละกลุ่มควรมีผู้เรียนที่มีความสามารถหลากหลายคละกันไป
4. ผู้สอนจะแนะนำวิธีทำงานกลุ่ม การสืบค้น การรวบรวมข้อมูลความรู้ในแต่ละหัวข้อโดย
ชี้แจงไว้ในส่วนรายละเอียด/คำชี้แจงของแต่ละหัวข้อหรือประเด็นการศึกษารายตามละเอียดของWebcourse
5. มีการกำหนดไว้ในหน้า “ข้อตกลงทางการเรียน” ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันวางแผนการ
ศึกษาในหัวข้อของตน และแบ่งงานกันตามที่ได้วางแผนไว้ โดยสมาชิกแต่ละคน หรือสมาชิกแต่ละคู่ในกลุ่มจะเลือกหัวข้อย่อย (Subtopic) และเลือกวิธีแสวงหาคำตอบในเรื่องนั้นๆด้วยตนเอง หลังจากนั้นสมาชิกแต่ละคนหรือแต่ละคู่ จะเสนอรายงานความก้าวหน้าและผลการทำงานให้กลุ่มทราบ โดยผ่านทาง Web board หรือ Chat ซึ่งสมาชิกทุกคนมีส่วนร่วมในการนำเสนอผลงาน
6. การประเมินผลงาน/การทำงาน และร่วมอภิปรายออนไลน์ผ่านการ Chat เกี่ยวกับรายงานของสมาชิกแต่ละคนหรือสมาชิกแต่ละคู่ ในกลุ่มที่ได้เลือกหัวข้อย่อยไปศึกษาและรวบรวมจัดทำรายงานของกลุ่ม จากนั้นนำเสนอให้เพื่อนทั้งชั้นเรียนฟัง โดยการนำเสนอในลักษณะการUpload File ไว้ในเว็บไซต์ให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนได้ศึกษา ทั้งนี้จะต้องส่งข้อมูลที่จะนำเสนอให้กับผู้สอนได้พิจารณาก่อน และผู้สอนจะเป็นผู้ Upload File ไว้ให้ผู้เรียนทั้งชั้นได้ศึกษา
2 การเรียนการสอนแบบกลุ่มแข่งขันแบบแบ่งตามผลสัมฤทธิ์ (Student Teams – Achievement Divisions หรือ STAD)
การเรียนการสอนตามรูปแบบ STAD เป็นรูปแบบหนึ่งของการเรียนแบบร่วมมือ ที่ใช้ร่วมกับ
กิจกรรมการเรียนการสอนรูปแบบอื่นๆ หรือหลังจากที่ครูได้สอนผู้เรียนทั้งชั้นไปแล้ว และต้องการให้ ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้า ร่วมกันภายในกลุ่มสืบเนื่องจากสิ่งที่ครูได้สอนไป ซึ่งใช้ได้กับทุกวิชา ที่ต้องการให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจในสิ่งที่เป็นข้อเฑ็จจริง เกิดความคิดรวบยอด ค้นหาสิ่งที่มีคำตอบ ชัดเจน แน่นอน
เมื่อนำการเรียนการสอนแบบกลุ่มแข่งขันแบบแบ่งตามผลสัมฤทธิ์ มาประยุกต์ใช้กับ
e – learning มีลักษณะการเรียนรู้ ดังนี้
1. ผู้สอนใช้ webpage ก่อนเรียนอธิบายงานที่ต้องทำในกลุ่ม ลักษณะการเรียนภายในกลุ่ม
กฎ กติกา ข้อตกลงในการทำงานกลุ่ม ได้ประกอบด้วย
- การกำหนดให้ผู้เรียนมีความรับผิดชอบในการช่วยเหลือกันและกัน เพื่อให้เพื่อนทุกคนเกิด
การเรียนรู้ไปด้วยกัน
- สมาชิกของกลุ่มต้องทำงานของตนเองให้เสร็จสมบูรณ์เพื่องานกลุ่มเสร็จสมบูรณ์ด้วย
กล่าวคือ การที่สมาชิกทุกคนทำงานทีได้รับมอบหมายเสร็จสิ้นและเข้าใจในงาน ที่ทำอย่างชัดเจน
- การปรึกษาหรือถามปัญหาให้กระทำในกลุ่มเพื่อนก่อนที่จะถามครู
- หลังทำงานเสร็จนั่นคือทุกคนในกลุ่มพร้อมได้รับการทดสอบ หรือการประเมินจากครู
2. ผู้สอนเป็นผู้กำหนดกลุ่ม โดยผู้เรียนจะได้รับมอบหมายให้อยู่ในกลุ่มคละเพศ คละความ
สามารถ ในกลุ่มหนึ่งจะมีสมาชิกจำนวน 4 – 5 คน หรือขึ้นอยู่กับจำนวนหัวข้อที่ให้ผู้เรียนได้ศึกษา ซึ่งผู้สอนจะพิจารณาจากประวัติ และข้อมูลพื้นฐานของผู้เรียนจากการลงทะเบียนเข้าศึกษาในหลักสูตร e- Learning
3. กำหนดระยะเวลาเพื่อให้ผู้เรียนได้ศึกษาเนื้อหาในบทเรียนออนไลน์ และหลังจากที่ผู้เรียน
ได้ศึกษาเนื้อหาตามบทเรียนออนไลน์แล้ว มีการมอบหมายใบงาน/แบบฝึกหัด ให้ผู้เรียนได้ศึกษาด้วยกันในกลุ่มของตนเอง และผู้เรียนต้องพยายามที่จะช่วยเหลือให้สมาชิกทุกคนเข้าใจในเนื้อหาทั้งหมด และร่วมกันตรวจสอบความถูกต้องของคำตอบตามใบงาน/แบบฝึกหัดที่ผู้เรียนแต่ละคน ได้คิดคำตอบขึ้นมา และอภิปรายออนไลน์ร่วมกันเพื่อให้ได้คำตอบที่ถูกต้อง ทั้งนี้โดยใช้ Web board และ Chat เป็นสื่อกลางในการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนกับสมาชิกกลุ่ม
4. มีการประเมินในสิ่งที่ผู้เรียนได้เรียนไป โดยทดสอบคะแนนเป็นรายบุคคล และนำคะแนน
ของแต่ละคนในกลุ่มมารวมเป็นคะแนนของกลุ่มและหาค่าเฉลี่ย กลุ่มที่มีคะแนนถึงเกณฑ์ที่กำหนดจะได้รับรางวัล (Rewards) หรือมีการประกาศผลในที่สาธารณะ เช่น เว็บไซต์ของโรงเรียน บอร์ดของ โรงเรียน หรือวารสารของโรงเรียน
e – learning มีลักษณะการเรียนรู้ ดังนี้
1. ผู้สอนใช้ webpage ก่อนเรียนอธิบายงานที่ต้องทำในกลุ่ม ลักษณะการเรียนภายในกลุ่ม
กฎ กติกา ข้อตกลงในการทำงานกลุ่ม ได้ประกอบด้วย
- การกำหนดให้ผู้เรียนมีความรับผิดชอบในการช่วยเหลือกันและกัน เพื่อให้เพื่อนทุกคนเกิด
การเรียนรู้ไปด้วยกัน
- สมาชิกของกลุ่มต้องทำงานของตนเองให้เสร็จสมบูรณ์เพื่องานกลุ่มเสร็จสมบูรณ์ด้วย
กล่าวคือ การที่สมาชิกทุกคนทำงานทีได้รับมอบหมายเสร็จสิ้นและเข้าใจในงาน ที่ทำอย่างชัดเจน
- การปรึกษาหรือถามปัญหาให้กระทำในกลุ่มเพื่อนก่อนที่จะถามครู
- หลังทำงานเสร็จนั่นคือทุกคนในกลุ่มพร้อมได้รับการทดสอบ หรือการประเมินจากครู
2. ผู้สอนเป็นผู้กำหนดกลุ่ม โดยผู้เรียนจะได้รับมอบหมายให้อยู่ในกลุ่มคละเพศ คละความ
สามารถ ในกลุ่มหนึ่งจะมีสมาชิกจำนวน 4 – 5 คน หรือขึ้นอยู่กับจำนวนหัวข้อที่ให้ผู้เรียนได้ศึกษา ซึ่งผู้สอนจะพิจารณาจากประวัติ และข้อมูลพื้นฐานของผู้เรียนจากการลงทะเบียนเข้าศึกษาในหลักสูตร e- Learning
3. กำหนดระยะเวลาเพื่อให้ผู้เรียนได้ศึกษาเนื้อหาในบทเรียนออนไลน์ และหลังจากที่ผู้เรียน
ได้ศึกษาเนื้อหาตามบทเรียนออนไลน์แล้ว มีการมอบหมายใบงาน/แบบฝึกหัด ให้ผู้เรียนได้ศึกษาด้วยกันในกลุ่มของตนเอง และผู้เรียนต้องพยายามที่จะช่วยเหลือให้สมาชิกทุกคนเข้าใจในเนื้อหาทั้งหมด และร่วมกันตรวจสอบความถูกต้องของคำตอบตามใบงาน/แบบฝึกหัดที่ผู้เรียนแต่ละคน ได้คิดคำตอบขึ้นมา และอภิปรายออนไลน์ร่วมกันเพื่อให้ได้คำตอบที่ถูกต้อง ทั้งนี้โดยใช้ Web board และ Chat เป็นสื่อกลางในการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนกับสมาชิกกลุ่ม
4. มีการประเมินในสิ่งที่ผู้เรียนได้เรียนไป โดยทดสอบคะแนนเป็นรายบุคคล และนำคะแนน
ของแต่ละคนในกลุ่มมารวมเป็นคะแนนของกลุ่มและหาค่าเฉลี่ย กลุ่มที่มีคะแนนถึงเกณฑ์ที่กำหนดจะได้รับรางวัล (Rewards) หรือมีการประกาศผลในที่สาธารณะ เช่น เว็บไซต์ของโรงเรียน บอร์ดของ โรงเรียน หรือวารสารของโรงเรียน
3 เทคนิคการต่อบทเรียน (Jigsaw)
เทคนิคการต่อบทเรียน บางทีเรียกว่า การเรียนแบบต่อชิ้นส่วน หรือการศึกษาเฉพาะส่วน
เมื่อนำเทคนิคการต่อบทเรียนมาประยุกต์ใช้กับ e – learning มีลักษณะการเรียนรู้ ดังนี้
1. เป็นวิธีการที่ผู้สอนแบ่งผู้เรียนเป็นกลุ่ม คละตามความสามารถและเพศ
2. ทุกกลุ่มจะได้รับมอบหมายให้ทำกิจกรรมเดียวกัน โดยผู้สอนกำหนดให้เนื้อหา 1 เรื่อง
สำหรับ 1 กลุ่ม และแบ่งเนื้อหาออกเป็นหัวข้อย่อยเท่าจำนวนสมาชิกในแต่ละกลุ่ม เพื่อให้แต่ละคนในกลุ่มศึกษาเฉพาะในหัวข้อนั้นๆ คนละ 1 หัวข้อ โดยผู้เรียนแต่ละคนจะเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะเรื่องที่ตนเองได้รับมอบหมาย สมาชิกที่อยู่ต่างกลุ่มที่ได้รับมอบหมายในหัวข้อเดียวกันจะร่วมกันศึกษา เรียกว่า กลุ่มผู้เชี่ยวชาญ (Expert Group) จากนั้นนำสิ่งที่ได้เรียนรู้ในหัวข้อของตนเองไปเสนอแก่สมาชิกในกลุ่ม เพื่อให้เพื่อนในกลุ่มได้รู้เนื้อหาครบทุกหัวข้อ โดยมีลักษณะการนำเสนอแก่เพื่อนด้วยการแนบไฟล์ส่งไปยัง e - mail ของเพื่อนในกลุ่ม
3. หลังจากจบบทเรียนแล้วมีการทดสอบรายบุคคลตามเนื้อหาทุกหัวข้อ และนำคะแนนของสมาชิกแต่ละคนมารวมกันเป็นคะแนนกลุ่ม ซึ่งในกรณีนี้จะมีการดำเนินการบริหารการสอบ โดยจัดเป็นห้องสอบไว้โดยเฉพาะ มีผู้ดำเนินการจัดสอบ และให้ผู้เรียนทำข้อสอบออนไลน์ และจัดส่งไฟล์ข้อสอบไปยังผู้สอนโดยตรง ภายในระยะเวลาการสอบที่ได้กำหนดไว้
4 การเรียนการสอนกลุ่มเพื่อนช่วยเหลือเพื่อนเป็นรายบุคคล (Team Assisted Individualization หรือ TAI)
การเรียนการสอนตามรูปแบบ การเรียนการสอนกลุ่มเพื่อนช่วยเหลือเพื่อนเป็นรายบุคคล
เป็นการเรียนการสอนที่ผสมผสานระหว่างการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ และการเรียนการสอนรายบุคคลเข้าด้วยกัน โดยให้นักเรียนทำกิจกรรมการเรียนด้วยตนเอง ตามความสามารถจากแบบฝึกทักษะ และส่งเสริมความร่วมมือภายในกลุ่ม มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเรียนรู้ ตลอดจนการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม
เมื่อนำการเรียนการสอนกลุ่มเพื่อนช่วยเหลือเพื่อนเป็นรายบุคคล มาประยุกต์ใช้กับ e – learning มีลักษณะการเรียนรู้ ดังนี้
1. การทดสอบความรู้พื้นฐานของผู้เรียนก่อนเรียน โดยทำการทดสอบแบบออนไลน์บน
Webpage แรกๆ
2. ผู้สอนจัดกลุ่มผู้เรียน โดยกำหนดให้นักเรียนที่มีความสามารถแตกต่างกันทำงานร่วมกัน โดยแบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่มๆละ 4 – 5 คน
3. ผู้สอนมอบหมายงานให้ผู้เรียนศึกษาร่วมกันเป็นคู่ๆ จะเน้นการฝึกปฏิบัติ โดยให้ผู้เรียนต่าง
ศึกษาเอกสารของผู้สอน ตามสิ่งที่ระบุในการมอบหมายใบงาน ที่ได้แจ้งไว้บนกระดานข่าว แล้วฝึกหัดทำตาม ในเวลาเรียนผู้เรียนต้องมีความร่วมมือกัน ผู้เรียนที่เก่งจะต้องช่วยเหลือเพื่อนที่อ่อน ต่างตรวจสอบงานของกันและกัน เมื่อทำเสร็จแล้ว ให้ทำกิจกรรมอื่นๆต่อ จนครบทุกกิจกรรมหรือหัวข้อที่ผู้สอนกำหนดไว้ และรวมตัวทำงานกลุ่มร่วมกันที่เป็นการสังเคราะห์ความรู้ทั้งหมด จากการที่ผู้เรียนได้ร่วมกันฝึกปฏิบัติกันในคู่ของตนมาก่อนแล้วนั่นเอง
4. ระหว่างที่ผู้เรียนช่วยกันเรียนกับคู่ของตนและกับสมาชิกอื่นๆในกลุ่ม ผู้สอนจะใช้เวลานี้นัด
หมายเวลาให้ ผู้เรียนจากกลุ่มต่างๆที่มีความสามารถระดับใกล้เคียงกันมาครั้งละ 4- 6 คน เพื่อให้ความรู้เสริม ให้เหมาะกับระดับความสามารถของผู้เรียน โดยให้ความรู้เสริมผ่านการ Chat
5. หลังจากที่ผู้เรียนได้ศึกษาด้วยตนเอง ได้เรียนร่วมกับเพื่อน ผ่านทุกจุดประสงค์หรือทุก กิจกรรมร่วมกันทุกคน และได้เรียนจากครูเป็นกลุ่มย่อยโดยผ่านการ Chat แล้ว เมื่อจบหน่วยการเรียน ครูจะมีการประเมินผลสิ่งที่ผู้เรียนได้เรียนไปทั้งหมด โดยการทดสอบรายบุคคล ซึ่งในกรณีนี้จะมีการดำเนินการบริหารการสอบ โดยจัดเป็นห้องสอบไว้โดยเฉพาะ มีผู้ดำเนินการจัดสอบ และให้ผู้เรียนทำ ข้อสอบออนไลน์ และจัดส่งไฟล์ข้อสอบไปยังผู้สอนโดยตรง ภายในระยะเวลาการสอบที่ได้กำหนดไว้
และนำคะแนนการทดสอบของนักเรียนแต่ละคนมาเฉลี่ยเป็นคะแนนของกลุ่มต่อไป
การเรียนการสอนตามรูปแบบ การเรียนการสอนกลุ่มเพื่อนช่วยเหลือเพื่อนเป็นรายบุคคล
เป็นการเรียนการสอนที่ผสมผสานระหว่างการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ และการเรียนการสอนรายบุคคลเข้าด้วยกัน โดยให้นักเรียนทำกิจกรรมการเรียนด้วยตนเอง ตามความสามารถจากแบบฝึกทักษะ และส่งเสริมความร่วมมือภายในกลุ่ม มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเรียนรู้ ตลอดจนการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม
เมื่อนำการเรียนการสอนกลุ่มเพื่อนช่วยเหลือเพื่อนเป็นรายบุคคล มาประยุกต์ใช้กับ e – learning มีลักษณะการเรียนรู้ ดังนี้
1. การทดสอบความรู้พื้นฐานของผู้เรียนก่อนเรียน โดยทำการทดสอบแบบออนไลน์บน
Webpage แรกๆ
2. ผู้สอนจัดกลุ่มผู้เรียน โดยกำหนดให้นักเรียนที่มีความสามารถแตกต่างกันทำงานร่วมกัน โดยแบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่มๆละ 4 – 5 คน
3. ผู้สอนมอบหมายงานให้ผู้เรียนศึกษาร่วมกันเป็นคู่ๆ จะเน้นการฝึกปฏิบัติ โดยให้ผู้เรียนต่าง
ศึกษาเอกสารของผู้สอน ตามสิ่งที่ระบุในการมอบหมายใบงาน ที่ได้แจ้งไว้บนกระดานข่าว แล้วฝึกหัดทำตาม ในเวลาเรียนผู้เรียนต้องมีความร่วมมือกัน ผู้เรียนที่เก่งจะต้องช่วยเหลือเพื่อนที่อ่อน ต่างตรวจสอบงานของกันและกัน เมื่อทำเสร็จแล้ว ให้ทำกิจกรรมอื่นๆต่อ จนครบทุกกิจกรรมหรือหัวข้อที่ผู้สอนกำหนดไว้ และรวมตัวทำงานกลุ่มร่วมกันที่เป็นการสังเคราะห์ความรู้ทั้งหมด จากการที่ผู้เรียนได้ร่วมกันฝึกปฏิบัติกันในคู่ของตนมาก่อนแล้วนั่นเอง
4. ระหว่างที่ผู้เรียนช่วยกันเรียนกับคู่ของตนและกับสมาชิกอื่นๆในกลุ่ม ผู้สอนจะใช้เวลานี้นัด
หมายเวลาให้ ผู้เรียนจากกลุ่มต่างๆที่มีความสามารถระดับใกล้เคียงกันมาครั้งละ 4- 6 คน เพื่อให้ความรู้เสริม ให้เหมาะกับระดับความสามารถของผู้เรียน โดยให้ความรู้เสริมผ่านการ Chat
5. หลังจากที่ผู้เรียนได้ศึกษาด้วยตนเอง ได้เรียนร่วมกับเพื่อน ผ่านทุกจุดประสงค์หรือทุก กิจกรรมร่วมกันทุกคน และได้เรียนจากครูเป็นกลุ่มย่อยโดยผ่านการ Chat แล้ว เมื่อจบหน่วยการเรียน ครูจะมีการประเมินผลสิ่งที่ผู้เรียนได้เรียนไปทั้งหมด โดยการทดสอบรายบุคคล ซึ่งในกรณีนี้จะมีการดำเนินการบริหารการสอบ โดยจัดเป็นห้องสอบไว้โดยเฉพาะ มีผู้ดำเนินการจัดสอบ และให้ผู้เรียนทำ ข้อสอบออนไลน์ และจัดส่งไฟล์ข้อสอบไปยังผู้สอนโดยตรง ภายในระยะเวลาการสอบที่ได้กำหนดไว้
และนำคะแนนการทดสอบของนักเรียนแต่ละคนมาเฉลี่ยเป็นคะแนนของกลุ่มต่อไป
การประยุกต์ใช้กระบวนการเรียนรู้แบบร่วมมือบน e – Learning
การประยุกต์ทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือมาใช้ในกระบวนการเรียนการสอนแบบ e – Learning
นั้น เพื่อให้กระบวนการเรียนการสอนได้ส่งผลต่อการเพิ่มทักษะการทำงานแบบร่วมมือ และทักษะทางสังคมของผู้เรียน รูปแบบที่เหมาะสมในกระบวนการเรียนรู้แบบร่วมมือบน e – learning จึงควรจะเป็นในลักษณะการแบ่งผู้เรียนเป็นกลุ่มเล็ก คละความสามารถ โดยผู้สอนพิจารณาจากข้อมูลที่สมัครเข้าสู่ระบบ ซึ่งได้ระบุรายละเอียดข้อมูลพื้นฐาน ส่วนบุคคล ตลอดจนความสามารถพิเศษของผู้เรียนที่เข้า สู่การเรียนการสอนในระบบออนไลน์ โดยใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบร่วมมือเพื่อนช่วยเหลือเพื่อนเป็นกลุ่ม ผู้สอนมีการมอบหมายงานให้ผู้เรียนในลักษณะใบงาน โดยสมาชิกทุกคนในกลุ่มต่างร่วมมือกันรับผิดชอบทำงานที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จ โดยตั้งเป้าหมายร่วม ที่มุ่งสู่ความสำเร็จของกลุ่ม และวางแผนการทำงานซึ่งมาจากความคิดเห็นที่ตรงกันของสมาชิกกลุ่มทุกคน สมาชิกแต่ละคนมีการ ช่วยเหลือกันให้ทุกคนได้เรียนรู้ไปพร้อมๆกัน ซึ่งนักเรียนที่เก่งจะต้องช่วยเหลือเพื่อนนักเรียนที่อ่อน ต่างตรวจสอบงานของกันและกัน
นอกจากนี้แล้ว ผู้สอนยังมีบทบาทเป็น Moderator ที่จะคอยกระตุ้นให้สมาชิกในกลุ่มได้มีการแสดงความคิดเห็น ให้ข้อเสนอแนะ สะท้อนคิดและอภิปราย ในระหว่างดำเนินกิจกรรมกลุ่มออนไลน์แบบมีปฏิสัมพันธ์ทั้งแบบประสานเวลาและแบบไม่ประสานเวลา โดยใช้เทคโนโลยีที่สนับสนุนการเรียนรู้แบบร่วมมือ ซึ่งได้เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้คุ้นเคยวิธีการใหม่ๆ ประสบการณ์ใหม่ๆ ความคาดหวังใหม่ๆ โดยเครื่องมือเกี่ยวกับความร่วมมือในปัจจุบัน เช่น e – mail , เครือข่ายคอมพิวเตอร์ , White boards , Bulletin Board System , Chat Lines
สรุปได้ว่า กระบวนการเรียนรู้แบบร่วมมือบน e – Learning นั้น ได้ให้ความสำคัญกับการ สื่อสาร การสนทนา และการมีปฏิสัมพันธ์ของผู้เรียน ดังเช่น Curtis J. Bonk (2002) ที่ได้กล่าวว่า แนวโน้มของการเรียนรู้วิธีใหม่ คือ อาศัยการสื่อสาร และการสนทนาเป็นหลัก อย่างเช่น Peter Drucker ได้กล่าวไว้ว่า “เราต้องการคนทำงานที่มีความรู้ ซึ่งมีทักษะในการแก้ปัญหา มีความสามารถในการทำงานร่วมกับผู้อื่น และสามารถเรียนรู้ได้ เพราะฉะนั้น การศึกษาต้องเตรียมคนทำงานได้เรียนรู้ทักษะเหล่านี้”
การประยุกต์ทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือมาใช้ในกระบวนการเรียนการสอนแบบ e – Learning
นั้น เพื่อให้กระบวนการเรียนการสอนได้ส่งผลต่อการเพิ่มทักษะการทำงานแบบร่วมมือ และทักษะทางสังคมของผู้เรียน รูปแบบที่เหมาะสมในกระบวนการเรียนรู้แบบร่วมมือบน e – learning จึงควรจะเป็นในลักษณะการแบ่งผู้เรียนเป็นกลุ่มเล็ก คละความสามารถ โดยผู้สอนพิจารณาจากข้อมูลที่สมัครเข้าสู่ระบบ ซึ่งได้ระบุรายละเอียดข้อมูลพื้นฐาน ส่วนบุคคล ตลอดจนความสามารถพิเศษของผู้เรียนที่เข้า สู่การเรียนการสอนในระบบออนไลน์ โดยใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบร่วมมือเพื่อนช่วยเหลือเพื่อนเป็นกลุ่ม ผู้สอนมีการมอบหมายงานให้ผู้เรียนในลักษณะใบงาน โดยสมาชิกทุกคนในกลุ่มต่างร่วมมือกันรับผิดชอบทำงานที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จ โดยตั้งเป้าหมายร่วม ที่มุ่งสู่ความสำเร็จของกลุ่ม และวางแผนการทำงานซึ่งมาจากความคิดเห็นที่ตรงกันของสมาชิกกลุ่มทุกคน สมาชิกแต่ละคนมีการ ช่วยเหลือกันให้ทุกคนได้เรียนรู้ไปพร้อมๆกัน ซึ่งนักเรียนที่เก่งจะต้องช่วยเหลือเพื่อนนักเรียนที่อ่อน ต่างตรวจสอบงานของกันและกัน
นอกจากนี้แล้ว ผู้สอนยังมีบทบาทเป็น Moderator ที่จะคอยกระตุ้นให้สมาชิกในกลุ่มได้มีการแสดงความคิดเห็น ให้ข้อเสนอแนะ สะท้อนคิดและอภิปราย ในระหว่างดำเนินกิจกรรมกลุ่มออนไลน์แบบมีปฏิสัมพันธ์ทั้งแบบประสานเวลาและแบบไม่ประสานเวลา โดยใช้เทคโนโลยีที่สนับสนุนการเรียนรู้แบบร่วมมือ ซึ่งได้เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้คุ้นเคยวิธีการใหม่ๆ ประสบการณ์ใหม่ๆ ความคาดหวังใหม่ๆ โดยเครื่องมือเกี่ยวกับความร่วมมือในปัจจุบัน เช่น e – mail , เครือข่ายคอมพิวเตอร์ , White boards , Bulletin Board System , Chat Lines
สรุปได้ว่า กระบวนการเรียนรู้แบบร่วมมือบน e – Learning นั้น ได้ให้ความสำคัญกับการ สื่อสาร การสนทนา และการมีปฏิสัมพันธ์ของผู้เรียน ดังเช่น Curtis J. Bonk (2002) ที่ได้กล่าวว่า แนวโน้มของการเรียนรู้วิธีใหม่ คือ อาศัยการสื่อสาร และการสนทนาเป็นหลัก อย่างเช่น Peter Drucker ได้กล่าวไว้ว่า “เราต้องการคนทำงานที่มีความรู้ ซึ่งมีทักษะในการแก้ปัญหา มีความสามารถในการทำงานร่วมกับผู้อื่น และสามารถเรียนรู้ได้ เพราะฉะนั้น การศึกษาต้องเตรียมคนทำงานได้เรียนรู้ทักษะเหล่านี้”
ตัวอย่างกรณีศึกษาในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการเรียนรู้แบบร่วมมือบน e-Learning
กระบวนการเรียนรู้แบบร่วมมือ ได้มีหลายสถาบันการศึกษา และองค์กรต่างๆได้นำไปใช้แพร่หลาย ใน รูปแบบของ e-Learning ดังนี้
The Infoshare Module
Tales.L and Rylands.J(1998) ได้นำเสนอ The Infoshare Module เป็นการใช้การฝึกอบรมแบบร่วมมือแบบไม่ประสานเวลาในการปรับปรุงทักษะการสืบค้นจากเว็บ The Infoshare on the Web นั้นเป็นการออกแบบเพื่อใช้อบรมผู้เข้าร่วมในโครงการว่าจะใช้และ/หรือปรับปรุงการใช้ Web Search Engines เพื่อเข้าถึงสารสนเทศบนเว็บได้อย่างไร ผู้เข้าร่วมในโครงการได้ร่วมมือในกลุ่มที่มีภาระงานที่สมบูรณ์ และใช้การติดต่อสื่อสารแบบไม่ประสานเวลาที่ถูกจัดเตรียมโดย Simon Fraser,s Virtual University , Web – Based Environment ได้มีการสนับสนุนการศึกษาทางไกล การแบ่งปันข้อมูลสารสนเทศ และการฝึกอบรม
หน่วยการเรียน (Module) ได้ถูกส่งผ่านไปยังผู้เข้าร่วมการฝึกอบรม เป็นระยะเวลา 4 สัปดาห์และผู้เข้าร่วมการฝึกอบรมนั้นได้ค้นพบประโยชน์และข้อจำกัดในการใช้สิ่งแวดล้อมการมีปฏิสัมพันธ์แบบไม่ประสานเวลาสำหรับการฝึกอบรม
Online Asynchronous Training ได้อนุญาตให้ผู้เข้าร่วมการฝึกอบรมในการเข้าถึงข้อมูลสารสนเทศและการมีพันธะผูกพันธ์กับภาระงานความร่วมมือ และการดำเนินการอภิปรายต่อในเวลาที่เหมาะสมตามตารางเวลาของพวกเขาทั้งหลาย การเรียนรู้แบบร่วมมือให้ผู้เข้าร่วมการฝึกอบรมได้มี มุมมองที่หลากหลายในประเด็นต่างๆ เช่น พัฒนาทักษะการแก้ปัญหา เช่นการที่เขาทั้งหลายได้เรียนรู้จากภาระงาน ห้องเรียนแบบออนไลน์เป็นการใช้พื้นที่ในการเสนอหลักสูตรที่มีหน่วยกิต และการแบ่งปันความช่วยเหลือด้านความรู้ต่อกันและกัน ซึ่งในเวลาอันใกล้นี้ สิ่งแวดล้อมออนไลน์จะกลายเป็นข้อกำหนดเฉพาะเพื่อการฝึกอบรมแบบร่วมมือ
The Infoshare Module ได้ถูกเสนอในระหว่างกลางเดือนกันยายน – กลางเดือนตุลาคม ค.ศ.1996 โดยมีผู้เข้าร่วมการฝึกอบรมที่มีความกระตือรือร้น 24 คน ซึ่งเป็นสมาชิกของ National Research Council’s Industrial Research Assistance Program ใน British Columbia โดยส่วนใหญ่อาศัยอยู่ใน Lower Mainland มีบางส่วนที่อาศัยอยู่ที่อื่น ใน British Columbia , The Yukon และ Ontario
ผู้เข้าร่วมการฝึกอบรมได้ถูกแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 12 คน ซึ่งThe Infoshare Module ได้รวมประเด็นและภาระงานในแต่ละสัปดาห์ มีการแนะนำในช่วงการเผชิญหน้า (The Introductory Face to Face Session) ผู้เข้าร่วมการฝึกอบรมมีการฝึกอบรมใน Virtual University และจัดหาด้วยวัสดุอุปกรณ์ตามหลักสูตรและความต้องการของหน่วยการเรียน มีการดำเนินการตาม 3 Sessions ที่รวมการออนไลน์และ มุ่งเน้นในการแนะนำผู้เข้าร่วมโครงการให้รู้จัก Web Search Engines และให้เขาได้ขยาย Web Resource List , Containing Sites ที่ตรงประเด็นกับสิทธิที่จะได้รับ ,ความมั่งคั่งทางสติปัญญา , การตลาด และการ วางแผนด้านการเงินสำหรับความต้องการเชิงวิชาชีพ
รายการอ้างอิง
สุภณิดา ปุสุรินทร์คำ.(2549). การพัฒนารูปแบบการแบ่งปันความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารด้วยวิธีการเรียนแบบร่วมมือเพื่อพัฒนาความเป็นชุมชนนักปฏิบัติของครูในโรงเรียนที่เข้าร่วมในโครงการหนึ่งอำเภอหนึ่งโรงเรียนในฝันของกรุงเทพมหานคร.วิทยานิพนธ์ครุศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
(หน้า 79-81: ความหมายและองค์ประกอบของการเรียนแบบร่วมมือ)
สุภณิดา ปุสุรินทร์คำ.(2552)"ทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือบน e-Learning"ในเอกสารคำสอนรายวิชา02-051-522 เทคโนโลยีการเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์.นครราชสีมา: สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารประยุกต์.คณะวิทยาศาสตร์และศิลปศาสตร์. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน.
สุภณิดา ปุสุรินทร์คำ.(2549). การพัฒนารูปแบบการแบ่งปันความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารด้วยวิธีการเรียนแบบร่วมมือเพื่อพัฒนาความเป็นชุมชนนักปฏิบัติของครูในโรงเรียนที่เข้าร่วมในโครงการหนึ่งอำเภอหนึ่งโรงเรียนในฝันของกรุงเทพมหานคร.วิทยานิพนธ์ครุศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
(หน้า 79-81: ความหมายและองค์ประกอบของการเรียนแบบร่วมมือ)
สุภณิดา ปุสุรินทร์คำ.(2552)"ทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือบน e-Learning"ในเอกสารคำสอนรายวิชา02-051-522 เทคโนโลยีการเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์.นครราชสีมา: สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารประยุกต์.คณะวิทยาศาสตร์และศิลปศาสตร์. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน.
การเรียนรู้แบบร่วมมือ เป็นวิธีการจัดการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้ทำงานร่วมกันเป็นกลุ่มย่อย ส่งเสริมสนับสนุนการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน เพื่อการบรรลุเป้าหมายร่วมของกลุ่ม ส่งผลต่อการพัฒนาวุฒิภาวะ และทักษะด้านสังคม อารมณ์ ในการทำงานและอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม
ตอบลบการเรียนรู้แบบ e-Learning สามารถนำการเรียนรู้แบบร่วมมือที่ใช้ในห้องเรียนปกติไปใช้ใน การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ ทั้งในรูปแบบการเรียนการสอนบนเว็บหรือการฝึกอบรมบนเว็บได้เป็นอย่างดี โดยอาศัยศักยภาพของเครื่องมือติดต่อสื่อสารต่างๆ เช่น e-mail , Webboard , Chat ฯลฯ มาใช้ในการปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน ได้แก่ ผู้เรียนกับผู้เรียน ผู้เรียนกับผู้สอน ผู้เรียนกับผู้เชี่ยวชาญและคนอื่นๆ ซึ่งสามารถกระทำได้ในรูปแบบประสานเวลา (Synchronous) และแบบไม่ประสานเวลา (Asynchronous) ตามที่ได้กล่าวถึงในกรณีตัวอย่างข้างต้น ได้แก่ The Infoshare Module , The T3 Project , The World Programme และ CDM Program
ทั้งนี้การใช้เครื่องมือติดต่อสื่อสารออนไลน์ดังกล่าว ยังเป็นการตอบสนองต่อความแตกต่างของ ผู้เรียนแต่ละคน เช่น ผู้เรียนบางคนมีลักษณะเก็บตัว ไม่กล้าซักถามเมื่อสงสัย ไม่กล้าแสดงความคิดเห็น หรืออภิปรายต่อหน้าผู้อื่นในการเข้าร่วมกลุ่มแบบเผชิญหน้า การใช้เครื่องมือสื่อสารออนไลน์นี้ อาจทำให้เขากล้าที่จะซักถามข้อสงสัยกับ ผู้สอน หรือผู้เชี่ยวชาญ กล้าแสดงความคิดเห็น หรืออภิปรายได้มากขึ้น โดยใช้รูปแบบของการอภิปรายผ่านWebboard หรือการสนทนาโต้ตอบ แบบ Chat ซึ่งเป็นการเพิ่มทักษะการสื่อสารระหว่างผู้เรียน และผู้สอนมากขึ้น